วันที่ 17 พฤศจิกายน – ศึกระหว่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ และอดีตต้นสังกัดอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เปแอสเช) ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ศาลแรงงานในกรุงปารีสได้เปิดการไต่สวนคดีข้อพิพาทเรื่องค่าจ้างระหว่างทั้งสองฝ่าย

รายงานจาก Le Parisien สื่อดังของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า เอ็มบัปเป้ได้เรียกร้องเงินชดเชยสูงถึง 240 ล้านยูโร (ประมาณ 8,800 ล้านบาท) สำหรับความเสียหายที่เขาได้รับจากการย้ายทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2024 นอกจากนี้ ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสยังกล่าวหาว่าอดีตฝ่ายบริหารของสโมสรล้มเหลวในการเปลี่ยนสัญญาเช่าระยะสั้นให้เป็นสัญญาระยะยาว อีกทั้งยังค้างจ่ายค่าจ้างและโบนัสรวมมูลค่า 55 ล้านยูโร

ในการพิจารณาคดีครั้งนี้ เอ็มบัปเป้ไม่ได้เดินทางมาปรากฏตัวที่ศาลด้วยตัวเอง เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าซึ่งทำให้เขาต้องถอนตัวจากแคมป์ทีมชาติฝรั่งเศสไปก่อนหน้านี้

ทางฝั่ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไม่ยอมนิ่งเฉยและได้ยื่นข้อเรียกร้องกลับเช่นกัน โดยสโมสรต้องการให้เอ็มบัปเป้จ่ายเงินคืนจำนวน 180 ล้านยูโร โดยกล่าวหาว่านักเตะผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะไม่ย้ายออกจากทีมแบบฟรีๆ (Free Agent)

ทีมทนายความของเปแอสเชได้งัดหลักฐานเด็ดในชั้นศาล โดยเปิดเผยถึงข้อเสนอจากลีกซาอุดีอาระเบียมูลค่ามหาศาลถึง 300 ล้านยูโร ที่ยื่นเข้ามาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 แต่เอ็มบัปเป้เลือกที่จะปฏิเสธ ซึ่งการตัดสินใจนั้น—ประกอบกับการไม่ต่อสัญญา—ทำให้สโมสรสูญเสียโอกาสที่จะได้รับค่าตัวจากการย้ายทีม พร้อมกันนี้ เปแอสเชยังประณามทีมงานของเอ็มบัปเป้ว่ากำลังสร้าง "เรื่องราวที่แต่งขึ้นเอง" (Fictional Narrative) เพื่อบิดเบือนความจริง

สำหรับเบื้องหลังความขัดแย้งนี้ ย้อนกลับไปในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2022 เรอัล มาดริด เคยยื่นข้อเสนอ 180 ล้านยูโรเพื่อขอซื้อเอ็มบัปเป้ แต่ถูกเปแอสเชปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว ก่อนจะกล่อมให้นักเตะต่อสัญญาได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายน 2024 เรอัล มาดริด ได้ประกาศคว้าตัวเอ็มบัปเป้ไปร่วมทีมอย่างเป็นทางการแบบไม่มีค่าตัว เดิมทีเปแอสเชหวังว่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากเรอัล มาดริด แต่เมื่อราชันชุดขาวไม่มีท่าทีจะจ่าย เปแอสเชจึงเลือกใช้วิธี "ยึด" เงินค่าจ้างและโบนัสของเอ็มบัปเป้รวม 55 ล้านยูโรไว้ จนนำมาสู่การฟ้องร้องแตกหักในที่สุด